IV Therapy และบทบาทของ Stem Cell

IV Therapy คืออะไร? IV Therapy หรือ Intravenous Therapy การให้วิตามินหรือสารน้ำผ่านทางหลอดเลือดดำเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งกำลังเป็นที่นิยม เพราะเดี๋ยวนี้คนส่วนใหญ่ต้องการความรวดเร็ว ปลอดภัย เห็นผลไว และใช้เวลาในกระบวนการทำไม่นาน การดริปวิตามินจึงได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน ดริปวิตามิน แตกต่างกับการทานวิตามินอย่างไร? ดริปวิตามิน แตกต่างกับการรับสารอาหาร วิตามิน หรือเกลือแร่ในรูปแบบอื่นๆ เช่น การรับประทาน การฉีดเข้ากล้ามเนื้อ การอมใต้ลิ้น รวมถึงการทาครีมเพื่อให้ดูดซึมผ่านทางผิวหนัง ในการทำดริปวิตามินนี้จะสามารถนำวิตามินและเกลือแร่เข้าสู่หลอดเลือดและส่งผลในการบำรุงร่างกายได้ทันที โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการย่อย การดูดซึม หรือถูกคัดกรองผ่านด่านใดๆ หลังจากนั้นจึงจะถูกขับออกทางปัสสาวะและอุจจาระโดยไม่มีการสะสมหรือตกค้างเป็นอันตรายอยู่ในร่างกาย ด้วยประโยชน์ดังกล่าวจึงมีการปรุงสูตรการดริปวิตามินขึ้นหลายรูปแบบเพื่อให้เหมาะสมกับการดูแลสุขภาพของแต่ละบุคคล  ทั้งนี้ในแต่ละสูตรหากต้องการให้เกิดประโยชน์สูงสุดและไม่เกิดอันตรายในการบำบัด ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจทำทุกครั้ง Stem Cell สเต็มเซลล์ คืออะไร Stem Cell  คือ เซลล์ต้นกำเนิด ที่ยังไม่มีหน้าที่เฉพาะเจาะจง ความสามารถของสเต็มเซลล์คือการแบ่งตัวและเปลี่ยนแปลงตัวเองให้กลายเป็นเซลล์เนื้อเยื่อชนิดต่างๆ ได้อย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเซลล์ผิวหนัง เซลล์เม็ดเลือด เซลล์ตับ เซลล์ปอด เซลล์หัวใจ ฯลฯ โดยปกติทุกส่วนของร่างกายเรามี Stem Cell อยู่แล้ว […]

IV Basic Skin Bright: ความสว่างแห่งความงามสู่ผิวของคุณ

การดูแลผิวหนังเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาสุขภาพและความงามของเรา ผิวหนังที่ดีและสดใสไม่เพียงแต่ทำให้คุณดูดีและมีความมั่นใจ แต่ยังส่งผลให้คุณรู้สึกดีทางจิตใจด้วย IV Basic Skin Bright คืออะไร? การให้วิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระต้องอยู่ในการควบคุมของแพทย์ที่ชำนาญและได้รับการอบรมการใช้วิตามินนะคะ การให้วิตามินจึงจะปลอดภัยและได้ผลดี ประโยชน์ของ IV Basic Skin Bright ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งและกระจ่างใส ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ชะลอการเกิดริ้วรอย ช่วยบรรเทาอาการอักเสบ ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน

การลดสัดส่วน ความสมดุลของร่างกายและจิตใจ

การลดสัดส่วนไม่ใช่เรื่องที่ต้องเรียกร้องให้ทุกคนต้องสูญเสียน้ำหนักหรือดีตัวตามมาตรฐานที่คนอื่นกำหนด แต่เป็นกระบวนการที่คุณตั้งใจที่จะสร้างสุขภาพที่ดีขึ้นทั้งร่างกายและจิตใจ การลดสัดส่วนคืออะไร? การลดสัดส่วนไม่ใช่เพียงแค่การลดน้ำหนักหรือเหลือหน้า แต่เป็นกระบวนการที่มุ่งเน้นไปที่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและพฤติกรรมที่ดีต่อสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจ เป้าหมายของการลดสัดส่วนไม่ใช่การกลับไปสู่น้ำหนักที่คุณรู้จักในวัยเยาว์ แต่เป้าหมายคือการมีสุขภาพที่ดีและความรู้สึกดีในอารมณ์และจิตใจ ความสำคัญของการลดสัดส่วน 1. สุขภาพที่ดี: การลดสัดส่วนจะช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ เช่น โรคหัวใจและเบาหวาน รวมถึงช่วยเพิ่มสมรรถภาพของระบบภูมิคุ้มกัน 2. ความรู้สึกดีในอารมณ์: การออกกำลังกายและรักษาน้ำหนักที่เหมาะสมช่วยปลดปล่อยอะไรมากมายที่ทำให้คุณรู้สึกดี เช่น สารที่ช่วยในการรับรู้ความสุขและลดความเครียด 3. ความรู้สึกมั่นคงและมั่นใจ: การลดสัดส่วนช่วยปรับปรุงภาพลักษณ์และสร้างความมั่นใจในรูปร่างของคุณ นอกจากนี้ มันยังสร้างความมั่นคงในการตัดสินใจและการรับมือกับทุกสถานการณ์ วิธีลดสัดส่วนให้อยู่ในสุขภาพที่ดี 1. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ: การออกกำลังกายช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและเผยผิวออกมา ซึ่งทำให้คุณดูมีเสน่ห์มากขึ้น 2. รับประทานอาหารที่เหมาะสม: ควบคุมปริมาณอาหารและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น ผักผลไม้ และโปรตีน 3. ดูแลสุขภาพจิต: การดูแลสุขภาพจิตเป็นส่วนสำคัญในการลดสัดส่วน เพราะความเครียดและความกังวลอาจส่งผลกระทบต่อน้ำหนักและสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจ

วิตามินบำบัดผิว: เคล็ดลับสำหรับผิวที่สวยใส สุขภาพดี

วิตามินบำบัดผิว: เคล็ดลับสำหรับผิวที่สวยใส สุขภาพดี การดูแลผิวหนังเป็นสิ่งที่สำคัญในชีวิตประจำวันของเรา ผิวหนังที่สวยงามและใสส่งผลต่อความรู้สึกของเราและสร้างความมั่นใจให้กับเราเอง วิตามินบำบัดผิวเป็นหนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพในการดูแลผิวหนังเพื่อให้ผิวของคุณน่าประทับใจและแข็งแรงมากขึ้น วิตามิน C (Vitamin C) วิตามิน C เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีคุณสมบัติในการช่วยลดริ้วรอยและจุดด่างดำบนผิวหนัง มันช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิว ทำให้ผิวดูสุขภาพและกระชับมากขึ้น วิตามิน E (Vitamin E) วิตามิน E เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยให้ผิวหนังปกป้องตัวเองจากรังสี UV และป้องกันความเสียหายจากสิ่งแวดล้อม มันช่วยในการรักษาความชุ่มชื้นให้กับผิวและลดอาการอักเสบ วิตามิน A (Vitamin A) วิตามิน A เป็นสารที่สำคัญสำหรับการสร้างเซลล์ผิวใหม่และช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนและลดริ้วรอย มันยังช่วยควบคุมการผลิตน้ำมันในหน้าผากและป้องกันสิว วิตามิน D (Vitamin D) วิตามิน D เสริมสร้างสารในร่างกายที่ช่วยให้ผิวสามารถดูแลตัวเองได้ดีมากขึ้น คุณสามารถได้รับวิตามิน D จากแสงแดดและอาหารบางชนิด วิตามิน K (Vitamin K) วิตามิน K เป็นสารที่ช่วยในการลดเลือนริ้วรอยและรอยด่างดำบนผิวหนัง มันมีประสิทธิภาพในการเพิ่มความนิยมของผลิตภัณฑ์ดูแลผิว

ไขมันโคเลสเตอรอล: ทำไมควรรักษาระดับไขมันเหล่านี้

ไขมันโคเลสเตอรอลหรือคอเลสเตอรอลเป็นสารประกอบที่อยู่ในร่างกายของเรา ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการรักษาความสมดุลของระบบสุขภาพของเรา แต่เมื่อระดับคอเลสเตอรอลเพิ่มขึ้นมากเกินไป มันอาจกลายเป็นปัจจัยเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด ดังนั้นการเข้าใจเกี่ยวกับไขมันโคเลสเตอรอลและวิธีรักษาระดับที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการดูแลสุขภาพของเรา คอเลสเตอรอลคืออะไร? คอเลสเตอรอลเป็นสารประเภทไขมันชนิดหนึ่งที่มีลักษณะกึ่งของแข็งกึ่งของเหลวคล้ายขี้ผึ้ง ที่จริงแล้วคอเลสเตอรอลเป็นสารที่จำเป็นต่อร่างกายในการสร้างเซลล์ รวมถึงการผลิตวิตามิน ฮอร์โมน และสารต่างๆ ออกมาใช้ แต่เมื่อมีมากเกินไป คอเลสเตอรอลก็อาจกลายมาเป็นตัวการที่ทำร้ายสุขภาพของเราได้ คอเลสเตอรอลเกิดจากอะไร? โดยปกติร่างกายสามารถสร้างคอเลสเตอรอลที่ต้องการใช้ได้เองจากตับ ส่วนคอเลสเตอรอลที่เหลือนั้นมาจากอาหารที่เรารับประทานเข้าไปทุกวัน โดยจะพบได้ในอาหารประเภทเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์เท่านั้น เช่น นม ไข่ และเครื่องในสัตว์ อาหารเหล่านี้ยังมีไขมันอิ่มตัวสูง ซึ่งเป็นสาเหตุให้ตับยิ่งผลิตคอเลสเตอรอลออกมามากเกินความจำเป็น จนทำให้มีระดับคอเลสเตอรอลในเลือดสูงตามมา คอเลสเตอรอลแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ คอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL Cholesterol) และคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL Cholesterol) โดยทั้งคู่ต่างเกิดจากการรวมตัวกันของคอเลสเตอรอลกับโปรตีน กลายเป็นสารที่ชื่อว่า “ไลโพโปรตีน” เพื่อให้ไขมันหรือคอเลสเตอรอลสามารถเคลื่อนตัวไปในหลอดเลือดได้ HDL (High-density Lipoprotein) คือคอเลสเตอรอลชนิดดีที่มีประโยชน์ เพราะจะช่วยพาคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์จากส่วนต่างๆ ในร่างกายกลับไปที่ตับเพื่อขจัดออกจากร่างกาย ส่งผลให้ระดับคอเลสเตอรอลโดยรวมลดลง นอกจากนี้ยังมีส่วนในการยับยั้งการเกิดออกซิเดชัน และการแข็งตัวของเลือด ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดสมอง LDL (Low-density Lipoprotein) คือคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี เป็นคอเลสเตอรอลที่ก่อให้เกิดการการสะสมของไขมันตามผนังหลอดเลือดจนเกิดการอุดตัน เป็นสาเหตุให้เกิดโรคต่างๆ ตามมา […]

ระดับน้ำตาลสะสมในเลือด: ความเสี่ยงและวิธีการควบคุม

ระดับน้ำตาลสะสมในเลือดหรือ A1C (Hemoglobin A1C) เป็นตัววัดที่สำคัญในการประเมินความคุ้มค่าของการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดในระยะยาว มันเป็นตัวบ่งชี้ความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานและภาวะน้ำตาลสะสมสูง (Prediabetes) หรือเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานแบบอย่างยิ่งในอนาคต อะไรคือน้ำตาลเฉลี่ยสะสม น้ำตาลเฉลี่ยสะสม เป็นค่าของน้ำตาลในเลือดที่จับกับโปรตีนในเม็ดเลือดแดง ซึ่งเป็นตัวบ่งบอกถึงระดับน้ำตาลในเลือดที่สะสมมาตลอด 2 – 3 เดือนที่ผ่านมา แปลว่าถ้าเราได้รับอาหารที่มีปริมาณน้ำตาลมากเกินความต้องการที่ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้ก็จะมีน้ำตาลบางส่วนที่เหลือในเลือดไปจับกับเม็ดเลือดแดง โดยสะสมทุก ๆ วัน จนมีปริมาณฮีโมโกลบินเอ วัน ซีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ การตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือด  คือการวัดระดับความเข้มข้นของน้ำตาลในเลือดเพื่อประเมินว่าร่างกายสามารถควบคุมน้ำตาลได้ดีมากน้อยเพียงไร การตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือด หรือการเจาะน้ำตาลหลังอดอาหารและเครื่องดื่มทุกชนิดมาแล้วอย่างน้อย 8 ชั่วโมง (Fasting Blood Sugar: FBS)โดยระดับน้ำตาลในเลือดจะสามารถบ่งบอกถึงปริมาณของกลูโคสในกระแสเลือด ณ ขณะนั้นว่าอยู่ในระดับใด ซึ่งการตรวจน้ำตาลในเลือดนี้เป็นการตรวจที่ช่วยคัดกรองและวินิจฉัยว่าเรามีเสี่ยงเป็นเบาหวานหรือไม่? ปัจจุบัน เราสามารถตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดได้ด้วยตนเอง (Self Monitoring of Blood Glucose) ซึ่งสามารถตรวจได้เองเป็นประจำ มีข้อดีคือ ทำให้ทราบความเสี่ยงว่าเป็นเบาหวานหรือไม่ และทำให้ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานสามารถปรับพฤติกรรมการดูแลตนเองได้ทันที ระดับน้ำตาลในเลือดดูอย่างไร? ระดับน้ำตาลในเลือด อยู่ระหว่าง 70-100 คุณอยู่ในภาวะปกติ ระดับน้ำตาลในเลือดเท่ากับ 100 […]

ตรวจระดับน้ำตาลในเลือด: สำคัญกับการดูแลสุขภาพ

ระดับน้ำตาลสะสมเกี่ยวข้องอย่างไรกับโรคเบาหวาน ระดับน้ำตาลสะสม คือ ระดับน้ำตาลเฉลี่ยในช่วงระยะเวลา 3 เดือน สามารถใช้ในการวินิจฉัยโรคเบาหวาน และติดตามการควบคุมโรคเบาหวานได้ การตรวจระดับน้ำตาลสะสมคืออะไร การตรวจระดับน้ำตาลสะสม (A1C) หรือ ฮีโมโกลบิน เอวันซี (Hemoglobin A1C: HbA1C) คือการตรวจระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือด เฉลี่ยในช่วงระยะเวลา 3 เดือน เป็นวิธีการตรวจหลักในการดูแลรักษาโรคเบาหวาน และเครื่องมือในงานวิจัยเกี่ยวกับโรคเบาหวาน หลักการตรวจค่าระดับน้ำตาลสะสม ค่าระดับน้ำตาลสะสม เป็นค่าที่บ่งบอกถึงน้ำตาลกลูโคสที่จับอยู่กับฮีโมโกลบิน ฮีโมโกลบิน คือโปรตีนที่อยู่ในเซลล์เม็ดเลือดแดง ทำหน้าที่ขนส่งออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย  โดยเซลล์เม็ดเลือดแดงจะมีการสร้างและการตายคงที่ ปกติจะมีอายุ 3 เดือน  ดังนั้น ค่าระดับน้ำตาลสะสม จึงสะท้อนให้เห็นถึงปริมาณน้ำตาลกลูโคสเฉลี่ยในช่วงเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา ประเภทการตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดของเบาหวาน การตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดสำหรับเบาหวานมี 2 ประเภท การตรวจน้ำตาลสะสมเฉลี่ยในช่วง 2 – 3 เดือนที่ผ่านมา เรียกว่า HbA1c (Hemoglobin A1c) ต้องตรวจในโรงพยาบาลเท่านั้น มีความสำคัญเพื่อช่วยประเมินผลการรักษาและป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวานในระยะยาวได้ เช่น […]

ตรวจวัดชีพจรและความดันโลหิต: ความสำคัญของการเฝ้าระวังสุขภาพ

การรักษาสุขภาพที่ดีเริ่มต้นด้วยการเฝ้าระวังสภาพร่างกายของเราอย่างต่อเนื่อง ด้วยความสามารถในการตรวจวัดชีพจรและความดันโลหิต การรับรู้และรักษาสุขภาพได้อย่างทันท่วงที และลดความเสี่ยงต่อโรคหลาย ๆ รูปแบบ ดังนี้คือ: 1. การตรวจวัดชีพจร (Heart Rate) ชีพจร หรืออัตราการเต้นของหัวใจ เป็นหนึ่งในสัญญาณสำคัญที่แพทย์ใช้ในการวินิจฉัยภาวะเกี่ยวกับโรคหัวใจและหลอดเลือด จัดอยู่ในกลุ่มค่าสัญญาณชีพ (Vital signs) โดยค่าที่บ่งชี้การมีชีวิตอยู่จะประกอบด้วย 4 ค่า ได้แก่ ชีพจร (อัตราการเต้นของหัวใจ) อุณหภูมิ การหายใจ และความดันโลหิต ชีพจรนั้นจะสะท้อนถึงการทำงานของหัวใจและระบบการไหลเวียนของเลือด เพราะค่าชีพจรจะวัดจากการขยายตัวและหดตัวของหลอดเลือดแดงส่วนปลาย เป็นจังหวะตามคลื่นความดันที่มาจากหลอดเลือดแดงใหญ่ใกล้หัวใจ ซึ่งจะเกิดขึ้นทุกครั้งที่หัวใจเต้น โดยการวัดชีพจรจะวัดจากจำนวนครั้งของการเต้นของหัวใจใน 1 นาที ซึ่งในทุกๆ ครั้งที่หัวใจเต้น หมายถึง หัวใจได้ทำหน้าที่ในการสูบฉีดเลือดไปหล่อเลี้ยงทั่วร่างกายนั่นเอง ทำความรู้จักชีพจรขณะพักหรือชีพจรปกติ ชีพจรขณะพัก หรือ ชีพจรปกติ คือจำนวนครั้งของการเต้นของหัวใจใน 1 นาทีขณะพักเต็มที่ (ไม่ได้ออกกำลัง) ค่าชีพจรปกติในแต่ละช่วงวัย ทารกแรกเกิด–1 เดือน ประมาณ 120-160 ครั้งต่อนาที 1-12 เดือน ประมาณ 80-140 […]

การตรวจจุลินทรีย์ในลำไส้เพื่อสุขภาพที่ดี

การตรวจจุลินทรีย์ในลำไส้ เป็นการตรวจโพรไบโอติกส์ หรือจุลินทรียในร่างกายของเราที่ทำหน้าที่ย่อยอาหารและสร้างวิตามิน ช่วยปรับสมดุลให้กับร่างกาย ซึ่งมีทั้งจุลินทรีย์ตัวดีและตัวไม่ดี ถ้าโพรไบโอติกส์ หรือจุลินทรีย์ในลำไส้มีความสมดุล จะช่วยเสริมสร้างสมดุลที่ดี ทั้งด้านอารมณ์ การนอน การย่อยอาหาร รวมถึงความอ้วน จุลินทรีย์ตัวดีถ้ามีมากจะช่วยเรื่อง ทางเดินอาหาร การย่อยอาหาร สมอง ผิวหนัง และลำไส้ จุลินทรีย์ตัวไม่ดีถ้ามีมากจะทำให้ร่างกายมีปัญหาสุขภาพเรื่อง โรคกระเพาะ กรดไหลย้อน นอนไม่หลับ ไมเกรน มะเร็ง ทางเดินอาหาร การย่อยอาหาร สมอง ผิวหนัง และลำไส้ หากจุลินทรีย์ในลำไส้ขาดความสมดุล ระหว่างจุลินทรีย์ที่ดีและไม่ดี ทำให้เกิดอาการหรือโรคต่างๆได้ อาทิ ไมเกรน นอนไม่หลับ สิวอักเสบ ACNE ผื่นภูมิแพ้ เป็นๆหายๆ หอบ หืด ระบบการเผาผลาญ ภาวะเบาหวาน (ดื้ออินซูลิน) โรคอ้วน GI Effect โรคลำไส้แปรปรวน (Irritable bowel syndrome) (IBS) การย่อยและการดูดซึมสารอาหาร(Digestion and Absorption) […]

การตรวจหากรดอินทรีย์ในปัสสาวะเพื่อความสุขของท่าน

การตรวจหากรดอินทรีย์ในปัสสาวะ (Urine Organic Profile) เป็นการตรวจเพื่อ แสดงถึงการทำงาน (metabolism) ของระบบต่างๆ ในร่างกาย ว่าปกติหรือไม่ โดยการตรวจ จะสามารถบอกได้ว่า ความต้องการวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นในปฏิกิริยาต่าง ๆ ของร่างกาย การเผาผลาญสารอาหารต่าง ๆ เพื่อนำไปใช้สร้างพลังงานของเซลล์ สมดุลของสารสื่อประสาท การสัมผัส การขับสารพิษของร่างกาย สมดุลของจุลินทรีย์ในระบบทางเดินอาหาร และความ เสียหายของเซลล์ที่เกิดจากอนุมูลอิสระ จึงนับเป็นการทดสอบที่ครอบคลุมว่าร่างกายต้องการ ดังนั้นการตรวจ Organic Profile ไม่ใช่การตรวจเพื่อวินิจฉัยโรค แต่เป็นการตรวจหาความไม่สมดุลในระบบต่าง ๆ เพื่อเป็นข้อมูลร่วมในการวินิจฉัยโรค การตรวจพบตั้งแต่เนิ่น ๆ สามารถแก้ไขและปรับปรุงทั้งด้านอาหารการกิน หรือ Lifestyle การดำรงชีวิตที่เหมาะสมขึ้นเพื่อให้มีชีวิตที่มีคุณภาพ และยืนยาว สามารถให้ข้อมูลการวินิจฉัยและการรักษาอาการผิดปกติมากมาย เช่น อาการวิตกกังวล (Anxiety) ความผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับสมาธิ และความจำ (Attention and Memory disorder) อาการของโรคภูมิต้านทานเป็นพิษต่าง ๆ (Autoimmune Diseases) ท้องอืด ท้องเฟ้อ […]

BOOKING

 กรุณากรอกข้อมูลเพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ
กรุณาเลือก Promotions ที่คุณสนใจ
*** สงวนสิทธิ์ 1 คน / 1 สิทธิ์