ตรวจวัดชีพจรและความดันโลหิต: ความสำคัญของการเฝ้าระวังสุขภาพ

การรักษาสุขภาพที่ดีเริ่มต้นด้วยการเฝ้าระวังสภาพร่างกายของเราอย่างต่อเนื่อง ด้วยความสามารถในการตรวจวัดชีพจรและความดันโลหิต การรับรู้และรักษาสุขภาพได้อย่างทันท่วงที และลดความเสี่ยงต่อโรคหลาย ๆ รูปแบบ ดังนี้คือ:

1. การตรวจวัดชีพจร (Heart Rate)

ชีพจร หรืออัตราการเต้นของหัวใจ เป็นหนึ่งในสัญญาณสำคัญที่แพทย์ใช้ในการวินิจฉัยภาวะเกี่ยวกับโรคหัวใจและหลอดเลือด จัดอยู่ในกลุ่มค่าสัญญาณชีพ (Vital signs) โดยค่าที่บ่งชี้การมีชีวิตอยู่จะประกอบด้วย 4 ค่า ได้แก่ ชีพจร (อัตราการเต้นของหัวใจ) อุณหภูมิ การหายใจ และความดันโลหิต

ชีพจรนั้นจะสะท้อนถึงการทำงานของหัวใจและระบบการไหลเวียนของเลือด เพราะค่าชีพจรจะวัดจากการขยายตัวและหดตัวของหลอดเลือดแดงส่วนปลาย เป็นจังหวะตามคลื่นความดันที่มาจากหลอดเลือดแดงใหญ่ใกล้หัวใจ ซึ่งจะเกิดขึ้นทุกครั้งที่หัวใจเต้น

โดยการวัดชีพจรจะวัดจากจำนวนครั้งของการเต้นของหัวใจใน 1 นาที ซึ่งในทุกๆ ครั้งที่หัวใจเต้น หมายถึง หัวใจได้ทำหน้าที่ในการสูบฉีดเลือดไปหล่อเลี้ยงทั่วร่างกายนั่นเอง

ทำความรู้จักชีพจรขณะพักหรือชีพจรปกติ
ชีพจรขณะพัก หรือ ชีพจรปกติ คือจำนวนครั้งของการเต้นของหัวใจใน 1 นาทีขณะพักเต็มที่ (ไม่ได้ออกกำลัง)

ค่าชีพจรปกติในแต่ละช่วงวัย

  • ทารกแรกเกิด–1 เดือน ประมาณ 120-160 ครั้งต่อนาที
  • 1-12 เดือน ประมาณ 80-140 ครั้งต่อนาที
  • 12 เดือน–2 ปี ประมาณ 80-130 ครั้งต่อนาที
  • 2-6 ปี ประมาณ 75-120 ครั้งต่อนาที
  • 6-12 ปี ประมาณ 75-110 ครั้งต่อนาที
  • วัยรุ่น-วัยผู้ใหญ่ ประมาณ 60-100 ครั้งต่อนาที

หากคุณมีค่าชีพจรที่แตกต่างจากนี้ และมีอาการผิดปกติอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น หายใจสั้น วิงเวียนศีรษะ หรือหน้ามืด ควรรีบไปหาแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุความผิดปกติ ไม่ควรเพิกเฉย

 

2. การตรวจวัดความดันโลหิต (Blood Pressure)

ความดันโลหิตแสดงความแรงที่เลือดที่ไหลออกจากหัวใจและไปสู่ทุกส่วนของร่างกาย มีสองค่าหลักในการวัดความดันโลหิต คือ ความดันโลหิตซิสโตลิค (Systolic) และความดันโลหิตไดแอสโตลิค (Diastolic) ความดันโลหิตปกติอยู่ในช่วง 120/80 มิลลิเมตรปรอทิเมตรขีดเขียน การตรวจวัดความดันโลหิตเป็นสิ่งสำคัญเพราะความดันโลหิตสูงอาจเป็นสัญญาณของโรคหัวใจและหลอดเลือด หรืออาจส่งผลต่ออวัยวะสำคัญอื่น ๆ เช่น ไต.

ความดันปกติ อยู่ที่เท่าไร?

ความดันโลหิต คือ แรงดันภายในหลอดเลือดแดง ที่เกิดจากการบีบตัวของหัวใจ เพื่อส่งเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย ประกอบด้วยเลข 2 ค่า คือ

  1. ค่าสูง เป็นค่าแรงดันในหลอดเลือดแดงขณะหัวใจบีบตัว (Systolic Blood Pressure)
  2. ค่าต่ำ เป็นค่าแรงดันในหลอดเลือดแดงขณะหัวใจคลายตัว (Diastolic Blood Pressure)

ความดันโลหิตมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นๆ ลงๆ ตลอดทั้งวัน ซึ่งการตรวจวัดความดันในเวลาที่ต่างกันไม่จำเป็นต้องมีค่าเท่ากันเสมอไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยกระตุ้นต่างๆ

โดยทั่วไป ความดันโลหิตที่เหมาะสมของคนปกติ จะต้อง ไม่เกิน 120/80 ม.ม.ปรอท (โดยควรวัดความดันหลังจากนั่งพักอย่างน้อย 30 นาที และ 1 ชั่วโมง หลังรับประทานอาหาร ดื่มกาแฟ สูบบุหรี่ หรือ ออกกำลังกาย) แต่ไม่ควรเกิน 140/90 ม.ม.ปรอท และควรลดลงขณะพักหรือนอนหลับ ถ้าค่าเฉลี่ยเกิน 140/90 ม.ม.ปรอท จากการวัดความดันอย่างน้อย 2 ครั้ง ถือว่าเสี่ยงเป็นโรคความดันโลหิตสูง

ความสำคัญของการตรวจวัดชีพจรและความดันโลหิต

  • 1. การคัดกรองโรค: การตรวจวัดชีพจรและความดันโลหิตเป็นวิธีการคัดกรองโรคอย่างรวดเร็ว เช่น โรคความดันโลหิตสูง หรือโรคหัวใจและหลอดเลือด ที่มักไม่แสดงอาการในระยะแรก.
  • 2. การรักษาอย่างทันท่วงที: การเฝ้าระวังชีพจรและความดันโลหิตสามารถช่วยระบุปัญหาในระยะแรก ทำให้สามารถรักษาและป้องกันอันตรายให้กับสุขภาพได้อย่างทันท่วงที.

Share:

Facebook
Twitter

บทความเพิ่มเติม

ตรวจวัดชีพจรและความดันโลหิต: ความสำคัญของการเฝ้าระวังสุขภาพ

BOOKING

 กรุณากรอกข้อมูลเพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ
กรุณาเลือก Promotions ที่คุณสนใจ
*** สงวนสิทธิ์ 1 คน / 1 สิทธิ์